เทรนด์การท่องเที่ยว เชิงการแพทย์
การบำบัดรักษาสุขภาพในไต้หวัน
เนื้อเรื่อง‧กัวเหม่ยอวี๋ ภาพ‧จวงคุนหร แปล‧มณฑิรา ไชยวุฒ
มิถุนายน 2024
ปัจจุบันไต้หวันมีสถานพยาบาล 17 แห่งที่ผ่านการรับรองจาก JCI (Joint Commission) ซึ่งเป็นองค์กรประเมินคุณภาพทางการแพทย์ระดับนานาชาติที่มีความน่าเชื่อถือที่สุด
สถาบันการแพทย์ของไต้หวันเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับสูง อีกทั้งยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการแพทย์เฉพาะทาง อาทิ การปลูกถ่ายตับและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เป็นต้น มีบริการทางการแพทย์ที่คุ้มค่ากับราคาควบคู่ไปกับรักษาด้วยแพทย์แผนจีนโบราณ จนกลายเป็นสภาพแวดล้อมทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ทั้งการแพทย์แผนจีนกับแผนตะวันตกที่หาได้ยากบนโลกใบนี้
การเดินทางมาไต้หวัน นอกจากจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ทางธรรมชาติ ผู้คนและวัฒนธรรมแล้ว ยังสามารถขอคำปรึกษาทางการแพทย์และการวางแผนการรักษาพยาบาล เพื่อบำบัดรักษาโรคและพักฟื้นได้เต็มที่ในคราวเดียว
จุดแข็งทางการแพทย์ของไต้หวัน
ประชากรไต้หวันมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80 ปี ซึ่งสูงกว่าอายุขัยเฉลี่ยทั่วโลก นั่นเป็นเพราะไต้หวันนอกจากมีระบบประกันสุขภาพที่สมบูรณ์แบบแล้ว สิ่งสำคัญคือไต้หวันยังมีมาตรฐานทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมด้วย โดยเมื่อปี ค.ศ. 2023 CEOWORLD นิตยสารด้านธุรกิจระดับนานาชาติ ประกาศผลการจัดอันดับระบบการดูแลรักษาสุขภาพใน 110 ประเทศทั่วโลก ไต้หวันถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 1
คุณอู๋หมิงเยี่ยน (吳明彥) ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิพันธมิตรความเป็นเลิศทางการแพทย์ไต้หวัน (Medical Excellence TAIWAN หรือ MET) เปิดเผยว่า ไต้หวันมีการนำเอาระบบการประเมินสถานพยาบาลมาใช้ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในเอเชียและเป็นประเทศที่ 4 ของโลกที่ดำเนินการประเมินสถานพยาบาล ซึ่งมีสถานพยาบาล 17 แห่ง ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล JCI (Joint Commission International)
คุณอู๋หมิงเยี่ยนกล่าวว่า นอกจากการรักษาโรคทั่วไปแล้ว การรักษาโรคเฉพาะทางพิเศษ อาทิ ศัลยกรรมตกแต่งกะโหลกศีรษะ การปลูกถ่ายตับและไตเทคโนโลยีเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ การรักษาหลอดเลือดหัวใจ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อต่อ การรักษาด้านทันตกรรม ฯลฯ ของไต้หวันก็มีชื่อเสียงอย่างมากในระดับนานาชาติ ซึ่งในจำนวนนี้การปลูกถ่ายอวัยวะอย่างตับและไต ที่มีภาวะแทรกซ้อนต่ำ มีอัตราความสำเร็จกับอัตราการรอดชีวิตสูง ถือเป็นความสำเร็จอันน่าภาคภูมิใจ โดยเฉพาะจุดแข็งอย่างการผ่าตัดปลูกถ่ายตับจากผู้บริจาคตับมีชีวิตให้กับผู้ป่วยภาวะวิกฤต จนสามารถมีอัตราการรอดชีวิต 5 ปี สูงถึง 93.5% ซึ่งมากกว่าในยุโรปและอเมริกา อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก
โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในไต้หวันมีการติดตั้งอุปกรณ์ถ่ายภาพทางการแพทย์คุณภาพสูง ผสานรวมกับความรู้พื้นฐานทางคลินิก จนกลายเป็นข้อได้เปรียบหลักในการแข่งขัน
โรงพยาบาลขนาดใหญ่ได้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการตรวจสุขภาพ ซึ่งเป็นการตรวจสุขภาพในรูปแบบการบริการของโรงแรม “ที่ลูกค้าต้องมาก่อน”
ข้อได้เปรียบด้านความคุ้มค่าทางการแพทย์
ดังสุภาษิตว่า “การสร้างผลงานที่ดี ต้องมีอุปกรณ์ที่เพียบพร้อม” คุณอู๋หมิงเยี่ยนกล่าวว่า การรักษาพยาบาลที่ดีจะต้องมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการตรวจคัดกรองและการวินิจฉัยโรค ด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างเครื่องตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CT Scan กับเครื่อง MRI หรือจะเป็นเครื่องฉายรังสีอนุภาคโปรตอน ซึ่งเป็นเครื่องมือรักษามะเร็งราคาสูงที่สามารถฉายรังสีไปยังก้อนมะเร็งได้อย่างแม่นยำ คุณอู๋หมิงเยี่ยนเผยว่า "อุปกรณ์และเครื่องมือเหล่านี้ในไต้หวันมีมากมาย"
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแนวคิดและแนวโน้มด้านสุขภาพไม่ได้เน้นแค่เพียงการรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับเวชศาสตร์ป้องกันมากขึ้น ดังนั้นสถานพยาบาลขนาดใหญ่ในไต้หวันจึงยินดีที่จะลงทุนกับอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นสถาบันที่ให้บริการตรวจสุขภาพขั้นสูง และพัฒนาอุตสาหกรรมการตรวจสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยม ในขณะที่ตลาดการตรวจสุขภาพโดยออกค่าใช้จ่ายด้วยตนเองก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
คุณหงจื่อเหริน (洪子仁) รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลซินกวงและดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการรับรองคุณภาพการตรวจสุขภาพ สภาส่งเสริมการประเมินโรงพยาบาลและคุณภาพทางการแพทย์ไต้หวัน (Joint Commission of Taiwan หรือ JCT) กล่าวว่า ในปี ค.ศ. 2021 สภาฯ ได้มีการจัดตั้งฝ่ายรับรองคุณภาพการตรวจสุขภาพ เพื่อดำเนินการรับรองคุณภาพของระบบบริการตรวจสุขภาพของสถานพยาบาล อาทิ การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ การตรวจร่างกายแบบครบวงจร และรายการตรวจอื่น ๆ เพื่อประเมินความสมบูรณ์ในภาพรวม และเป็นการรับประกันคุณภาพของบริการตรวจสุขภาพในไต้หวัน
เนื่องจากไต้หวันมีการใช้ระบบประกันสุขภาพ ดังนั้น จึงมีข้อได้เปรียบด้านความคุ้มค่าของบริการทางการแพทย์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในระดับสากล คุณอู๋หมิงเยี่ยนได้อ้างอิงรายงานจากหนังสือพิมพ์ “The Daily Telegraph” ของประเทศอังกฤษว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลกลับย่อมเยาเป็นกันเองมากที่สุด ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยจากนานาชาติ เลือกเข้ามารับการรักษาที่ไต้หวัน ยกตัวอย่าง การทำเด็กหลอดแก้ว โดยไต้หวันมีอัตราการคลอดและรอดชีวิตโดยเฉลี่ยมากกว่า 30% แต่ค่ารักษาพยาบาลมีเพียง 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมากในระดับนานาชาติ คุณอู๋หมิงเยี่ยนกล่าวอีกว่า ในโรงพยาบาลจึงมีคนจีน ฮ่องกง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือแม้แต่คนญี่ปุ่น ก็มาขอทำเด็กหลอดแก้วด้วยเช่นกัน
นายแพทย์ซูป๋อเสวียน (蘇柏璇) แผนกการแพทย์แผนโบราณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์ไทเปกล่าวว่า การฝังเข็ม การใช้ยาจีน หรือดื่มชาตามหลักการแพทย์ สามารถบรรเทาอาการไม่สบายตามร่างกายได้
(ภาพถ่ายโดย กัวเหม่ยอวี๋)
ไต้หวันเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ใช้ทั้งการแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตกในระบบการแพทย์แบบคู่ขนาน (ภาพถ่ายโดย กัวเหม่ยอวี๋)
ระบบคู่ขนานระหว่างการแพทย์แผนจีน และแผนตะวันตก
“ลักษณะเฉพาะทางการแพทย์ของไต้หวัน ยังรวมไปถึงการนำเอาแพทย์แผนจีนมาใช้ในการบำบัดรักษา การดูแลสุขภาพ และการชะลอวัย” ศ.หวังจิ้งฉง (王靜瓊) ภาควิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยการแพทย์ไทเป (Taipei Medical University : TMU) เปิดเผยว่า แม้ยาแผนโบราณจะใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่มีเพียงไต้หวัน จีน และเกาหลีใต้ สามประเทศเท่านั้น ที่ยึดตามระบบการแพทย์แผนตะวันตก ด้วยการนำวิธีการสอน การทดสอบ และการฝึกอบรมของแพทย์แผนตะวันตกมาประยุกต์ใช้ในการฝึกอบรมแพทย์แผนจีนอย่างเป็นทางการ โดยในหลักสูตรยังครอบคลุมถึงการเรียนรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการแพทย์แผนตะวันตก ซึ่งถือเป็นระบบการฝึกอบรมแบบคู่ขนานของการแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตก ที่พบเห็นได้ยากในโลก
นายแพทย์ซูป๋อเสวียน (蘇柏璇) แผนกการแพทย์แผนโบราณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์ไทเป (Taipei Medical University Hospital) กล่าวว่า แพทย์แผนจีนจะใช้วิธีการดู การฟัง การถาม และการสัมผัส ในการตรวจวินิจฉัยโรคและสั่งจ่ายยา โดยมุ่งเน้นไปที่สภาวะทางร่างกายของแต่ละบุคคล ยกตัวอย่างเช่น ร่างกายมนุษย์จะแบ่งออกเป็น ชี่พร่อง (ชี่ คือ พลังลมปราณ), หยางพร่อง, หยินพร่อง, ร้อนชื้น, เสมหะชื้น ฯลฯ รวม 9 ประเภท ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมีลักษณะเฉพาะทางกายภาพที่แตกต่างกัน เช่น คนที่มีเสมหะชื้นผสมกับชี่พร่อง จำเป็นต้องได้รับการรักษาและการพักฟื้นไปพร้อม ๆ กัน
ไม่เพียงแค่คนไต้หวันเท่านั้นที่ใช้การแพทย์แผนจีนในการรักษาโรค ยังมีชาวต่างชาติอีกจำนวนมากที่เมื่อรู้สึกไม่สบายก็ไปรับการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน ยกตัวอย่างเช่น คุณฮิโตมิ คุโรกิ (Hitomi Kuroki) นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมที่ได้รับรางวัล Hong Kong Film Award และถูกเชิญให้มาร่วมมอบรางวัลในงาน Golden Horse Awards เมื่อปี ค.ศ. 2022 ได้กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์แก่สื่อว่า เธอตั้งใจจะพักที่กรุงไทเปหนึ่งคืน เพียงเพราะจะได้ไปพบแพทย์แผนจีนเพื่อรับยาปรับสมดุลของกระเพาะและลำไส้
นายแพทย์ซูป๋อเสวียนกล่าวว่า เนื่องจากเขตเวลาที่ต่างกัน จึงเป็นเรื่องปกติของพนักงานบริษัทข้ามชาติซึ่งมาประจำการในไต้หวันที่จะมีอาการต่าง ๆ เช่น มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เพราะต้องทำงานจนดึกดื่น การมีประจำเดือนมาไม่ปกติ อาการคอบ่าไหล่แข็งตึง การมีสิวขึ้นบนใบหน้า เนื่องจากมีความกดดันสูงในการถูกมอบหมายให้มาทำงานในต่างประเทศ โดยอาการเหล่านี้แพทย์แผนจีนจะสามารถวินิจฉัยได้จากลักษณะเฉพาะทางกายภาพและสั่งจ่ายยา จากนั้นใช้วิธีรักษาด้วยยาจีน การฝังเข็ม หรือดื่มชาบำรุงเพื่อสุขภาพ ก็จะทำให้อาการดีขึ้น ทั้งนี้ ใบสั่งยาทั้งหมดที่ออกจากโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน ล้วนผ่านการทดสอบและมีการรับประกันเรื่องความปลอดภัย คนไข้ของเขาที่เป็นชาวต่างชาติ จะมีทั้งคนที่มาเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยแพทย์แผนจีน และยังมีผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ที่เข้ารับการรักษาด้วยการแพทย์แผนจีนและการฝังเข็ม เพื่อบำบัดอาการมือสั่น ภาวะบกพร่องทางสติปัญญา และอาการอื่น ๆ ดังนั้นบางรายเมื่อเดินทางกลับประเทศ ก็จะต้องนำยาติดตัวกลับไปรับประทานด้วยเป็นเวลาครึ่งปี จากนั้นอีกครึ่งปีหลังจึงค่อยกลับมาติดตามอาการ
แนวคิดเรื่องการดูแลสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย หมู่บ้านสุขภาพและวัฒนธรรมโรงพยาบาลฉางเกิงซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาอันเงียบสงบ จำนวนห้องพักจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ (ภาพถ่ายโดย หลินเก๋อลี่)
การนวด เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ (ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน)
แพทย์แผนจีนช่วยการดูแลสุขภาพ
คุณหวังจิ้งฉงกล่าวว่า การแพทย์แผนจีนไม่เพียงให้การบำบัดรักษา แต่ยังเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ ซึ่งนี่เป็นรูปแบบการดูแลที่หาได้ยากในโลก ยกตัวอย่าง “ภาวะน้ำตาไหล” หรืออาการแสบตา ที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แพทย์แผนจีนจะจ่ายยาเม็ดฉี่จู๋ตี้หวงหวาน (มีส่วนประกอบของโกจิเบอรี่ ดอกเบญจมาศ และรากของต้นโกฐขี้แมว) และยาเม็ดหมิงมู่ (เป็นยาที่มีสรรพคุณบำรุงสายตา) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูควบคู่กัน
ในทางการแพทย์แผนจีนเชื่อว่า อวัยวะต่าง ๆ ของมนุษย์มีความสอดคล้องกับเส้นลมปราณ เมื่อระบบเส้นลมปราณ (Meridian System) และอวัยวะภายในประสานกัน จะทำให้ลมปราณและเลือดมีความสมดุลกัน ร่างกายก็จะแข็งแรง ตรงกันข้ามก็อาจปรากฎอาการที่ทำให้ไม่สบายได้ ด้วยเหตุนี้เมื่อมีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งทำงานผิดปกติ ก็สามารถรักษาด้วยวิธีกัวซา (การขูดบริเวณผิวหนัง) การครอบแก้ว ชี่กง (การออกกำลังกายแบบฝึกพลังลมปราณ) การนวดกดจุด หรือเทคนิควิธีอื่น ๆ มาช่วยกระตุ้นการไหลเวียนที่เส้นลมปราณ ชี่ และเลือด เพื่อฟื้นฟูสมดุลและการประสานการทำงานของสรีระร่างกาย
คุณหวังจิ้งฉงกล่าวอีกว่า ผู้เชี่ยวชาญในสถานบริการด้านการนวดเพื่อสุขภาพของไต้หวัน จะให้ความสำคัญกับจุดฝังเข็ม โดยระหว่างที่ให้บริการพวกเขาจะอธิบายให้ลูกค้ารับทราบถึงความเกี่ยวข้องระหว่างอวัยวะต่าง ๆ กับจุดฝังเข็ม อาทิ จุดไท่หยาง (太陽穴 จุดที่อยู่ตรงรอยบุ๋มขมับ โดยอยู่หลังจุดกึ่งกลางระหว่างหางคิ้วกับหางตา) และจุดเหอกู่ (合谷穴 จุดหลังมือที่ง่ามมือข้างกระดูกระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง) ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างของการนำแพทย์แผนจีนมาใช้ในการดูแลสุขภาพ
นายแพทย์ซูป๋อเสวียนกล่าวว่า เวลาไปสระผมที่ร้านเสริมสวยในไต้หวัน จะมีบริการนวดศีรษะ ไหล่ และคอ หรือการนวดบริเวณศีรษะ ไหล่ คอ และฝ่าเท้า ของสถานบริการนวดเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นไปตามหลักการนวดกดจุด นอกจากนี้ ยังมีบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงบริเวณเป่ยโถว เจียวซี และซูอ้าว ซึ่งการแช่น้ำพุร้อนในบ่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของชี่และเลือด ช่วยให้ดูแลสุขภาพได้เช่นกัน
การแพทย์แผนจีนยังเน้นย้ำเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลทั้งสี่ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ โดยฤดูใบไม้ผลิต้องบำรุงตับ ฤดูร้อนต้องกำจัดความชื้นและระบายความร้อน ฤดูใบไม้ร่วงต้องบำรุงปอดและให้ความชุ่มชื้นเพื่อลดความแห้งกร้าน ส่วนในฤดูหนาวต้องเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ทั้งนี้นายแพทย์ซูป๋อเสวียนชี้ว่า พวกเราสามารถให้แพทย์แผนจีนช่วยวินิจฉัยลักษณะเฉพาะทางกายภาพให้ทราบก่อน จากนั้นจึงค่อยเลือกวิธีการ “เสริมความร้อน” “เสริมความเย็น” หรือ “ความสมดุล” ในการดูแลรักษาสุขภาพให้สอดคล้องกับฤดูกาล เพื่อจะได้มีสุขภาพที่ดีตามธรรมชาติ
ในการจบคลาสเรียนตีกลองไทโกะของหมู่บ้านสุขภาพฯ ผู้พักอาศัยจะตีกลองกันอย่างคึกคัก เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง (ภาพถ่ายโดย หลินเก๋อลี่)
ผู้ที่อาศัยในหมู่บ้านสุขภาพฯ เรียนการสีซอเอ้อหู (ภาพถ่ายโดย หลินเก๋อลี่)
เทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
โรงพยาบาลฉือจี้ฮัวเหลียน (Hualien Tzu Chi Hospital) เป็นศูนย์การแพทย์สำคัญทางฝั่งตะวันออกของไต้หวัน โดยเน้นในเรื่องของเวชศาสตร์ฟื้นฟูด้วยสเต็มเซลล์บำบัด การผ่าตัดกระตุ้นสมองส่วนลึก (DBS) เพื่อรักษาโรคพาร์กินสัน และการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะแบบซับซ้อน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของการบริการทางการแพทย์ที่ดึงดูดให้ผู้ป่วยชาวต่างชาติจากแดนไกลเดินทางมารับการรักษาอย่างไม่ขาดระยะ
ปีนี้โรงพยาบาลฉือจี้ฮัวเหลียนได้จับมือกับ The Gaeavilla Resort ที่เมืองฮัวเหลียน เปิดตัวโครงการการแพทย์เชิงท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในระยะยาวและครอบครัวสามารถพักฟื้นที่โรงแรม พร้อมเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของฮัวเหลียนได้ และเมื่อจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาหรือกลับมาพบแพทย์เพื่อติดตามอาการก็จะมีบริการรถรับส่งไปกลับโรงพยาบาลโดยเฉพาะ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาไต้หวัน นอกจากจะได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงแล้ว ยังสามารถพักในรีสอร์ตที่มีคุณภาพดีเยี่ยม “ไม่จำเป็นต้องอยู่ในหอผู้ป่วย ก็สามารถรับการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพได้”
หมู่บ้านสุขภาพและวัฒนธรรมโรงพยาบาลฉางเกิง (The Chang Gung Health and Culture Village) เขตกุยซาน นครเถาหยวน เป็นสถานที่ที่ยินดีต้อนรับผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไป ทั้งที่มีสุขภาพแข็งแรง สุขภาพอ่อนแอ และมีภาวะทุพพลภาพ ให้เข้ามาพักอาศัย เป็นบ้านพักคนชราที่ถูกสร้างขึ้นท่ามกลางภูเขาและป่าอันเงียบสงบ ทางเดินทั้งสี่ด้านมีต้นซากุระและต้นสน
สแวมพ์ไซเปรสรายล้อมอยู่โดยรอบ ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมอันน่ารื่นรมย์ อีกทั้งยังมีบริการคอร์สเรียนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตที่หลากหลาย เพื่อเสริมสร้างชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คุณตู้ซู่เจิน (杜素珍) ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการหมู่บ้านสุขภาพฯ เปิดเผยว่า ในอดีตที่ผ่านมาผู้สูงอายุมักจะหลีกเลี่ยงการพูดคุยในประเด็นเกี่ยวกับความเป็นความตาย
การวางแผนจัดการมรดก และการบริบาลเพื่อคุณภาพชีวิตระยะท้าย (หรือการดูแลแบบประคับประคอง) แต่ปัจจุบันกลับเป็นคอร์สบรรยายที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง
หมู่บ้านสุขภาพฯ ยังมียานพาหนะให้บริการรับส่งผู้อยู่อาศัยไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลฉางเกิง และไปชอปปิงที่ห้างคาร์ฟูร์ คุณตู้ซู่เจินกล่าวว่า “ร้อยละ 40 ของผู้พักอาศัย เป็นชาวจีนโพ้นทะเลที่กลับมาจากต่างประเทศ และยังมีอีก 2,000 คน ที่รอคิวเข้ามาพักอาศัยที่นี่”
คุณฝง วัย 65 ปี ซึ่งไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลานาน ได้เดินทางกลับมาไต้หวันพร้อมภรรยาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เข้าพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านสุขภาพฯ แห่งนี้ ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นคลาสตีกลองโทโกะว่า “ที่นี่มีคุณภาพทางการแพทย์ที่ดี มีความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิต มีเพื่อนร่วมชั้นที่เข้ากันได้ดี ซึ่งถือว่าดีกว่าที่คาดไว้”
คุณหงจื่อเหรินกล่าวว่า “บริการทางการแพทย์ ต้องถูกสร้างขึ้นจากพื้นฐานของแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับความไว้วางใจ”
การพักผ่อนที่ผสมผสานกับการรักษาทางการแพทย์ ถือเป็นกระแสใหม่ของการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง ไต้หวันมีระบบนิเวศทางธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมอันอุดมสมบูรณ์ และในทางการแพทย์ก็มีการสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน คุณสามารถจัดทัวร์การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในไต้หวัน ซึ่งโปรแกรมการเดินทางจะพาไปสัมผัสกับประสบการณ์การตรวจสุขภาพคุณภาพสูง เวชศาสตร์ความงาม… หรือเข้ารับการบำบัดรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเยียวยาร่างกายและจิตใจ ท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่งดงาม
หมู่บ้านสุขภาพและวัฒนธรรมโรงพยาบาลฉางเกิง ได้ปลูกต้นไม้ไว้กว่าแสนต้น ซึ่งในช่วงฤดูหนาวต้นสนสแวมพ์ไซเปรสจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมวิวทิวทัศน์และถ่ายภาพ (ภาพถ่ายโดย หลินเก๋อลี่)