เมืองทั้งเมือง คือแหล่งสร้างสรรค์ ศิลปะกราฟฟิตี้ของผม BOUNCE – ชายหนุ่มผู้สะท้อนความสับสน ของวัฒนธรรมเก่า-ใหม่ที่ทับซ้อนกันผ่านงานกราฟฟิตี้
เนื้อเรื่อง‧อู๋ชิงเหวิน ภาพ‧จวงคุนหรู แปล‧รุ่งรัตน์ แซ่หยาง
มิถุนายน 2018
趁著月黑風高的夜晚,找塊戶外牆面一噴而就,畫到一半就被巡邏警察發現「嗶嗶嗶」追趕的日子,對塗鴉藝術家Bounce而言已是陳年舊事;現在的他,作品不僅登堂入室,還高懸在鬧區街頭。
มือพ่นสีสเปรย์ มักแอบออกไปพ่นสีเพื่อวาดภาพบนกำแพงที่ไหนสักแห่งตอนกลางคืน และต้องคอยวิ่งหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาพบขณะเดินตรวจลาดตระเวน พร้อมกับมีเสียงนกหวีดที่เป่าดังปรี๊ดๆๆ ไล่กวดตามหลังเป็นประจำ ชีวิตที่ต้องคอยวิ่งหนีตำรวจเช่นนี้กลายเป็นอดีตที่ผ่านไปนานแล้วของ Bounce ศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดังของไต้หวันในขณะนี้ ซึ่งเขาไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ผลงานจนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับเท่านั้น แต่ผลงานของเขายังแสดงโชว์อยู่ตามท้องถนนในย่านต่างๆ อีกด้วย
เบื้องหลังของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่จะประสบความสำเร็จได้ในยุคสมัยนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเล่าเรื่องราวหรือสร้าง story ให้กับสินค้าเหล่านั้น เพราะใครๆ ก็ชอบฟังเรื่องเล่านั่นเอง ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกันนี้ ทำให้ตัวการ์ตูนกระต่ายในโทนสีดำเข้มแบบโหดๆ ถือกำเนิดขึ้นมาในรูปแบบที่ต่างออกไปจากเดิมๆ ซึ่งมักเน้นในความน่ารักและไม่เป็นอันตรายกับใคร กระต่ายของ Bounce เกิดมาด้วยมือเท้าที่มีจำนวนน้อยลง แววตาคล้ายหลุมดำไม่มีประกาย และยังมีใบหูที่ยาวใหญ่ผิดปกติหนึ่งคู่ ทำหน้าที่เป็นเครื่องรับฟังเสียงที่ฝังลำโพงไว้ด้านใน เพื่อไล่ล่าความฝัน เจ้ากระต่ายกระโดดไปมาตลอดทาง เดินทางออกจากป่ามายังเมืองหลวง ลุ่มหลงไปกับเสียงเพลงและเสียงดนตรีนานาชนิดตามท้องถนน
เจ้ากระต่ายปรากฏตัวขึ้นที่ใด ที่นั่นจะเต็มไปด้วยจังหวะเสียงเพลง คาแรคเตอร์กวนๆ หน้าตาแฝงความดุดัน ด้วยท่าทางไม่เกรงกลัวใครของมัน เป็นการออกแบบโดยใช้ลายเส้นที่วาดและขีดเขียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าปะปนอยู่กับสีต่างๆ ให้ความรู้สึกถึงจังหวะจะโคนที่หลากหลาย ลำโพงทรงหูกระต่ายที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ประจำตัวเป็นอีกจุดหนึ่งที่ตรึงสายตาของผู้คนที่มาชมผลงานให้ต้องหยุดดู ราวกับว่าพวกเขาได้ยินเสียงของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์กระหึ่มออกจากกำแพงผืนนั้นจริงๆ
สร้างสรรค์ผลงานจากพลังชีวิตในท้องถิ่น
บุคคลที่เป็นผู้ให้กำเนิดเจ้ากระต่ายตัวนี้ก็คือ Bounce ซึ่งชื่นชอบการเล่นสเกตบอร์ดเป็นอย่างมากในช่วงวัยรุ่น Bounce จบการศึกษาจากโรงเรียนศิลปะและพาณิชย์ฟู่ซิง (Fu-Hsin Trade and Arts School) ในนครนิวไทเป เขาเข้าร่วมการฝึกอบรมของโรงเรียนทุกครั้ง กระทั่งมีโอกาสได้สัมผัสกับงานกราฟฟิตี้ จึงค่อยๆ เปลี่ยนจากการวาดภาพด้วยพู่กันเป็นการพ่นสีสเปรย์แทน กระดาษสำหรับวาดภาพจึงไม่จำเป็นสำหรับเขาอีกต่อไป รูปภาพต่างๆ เก็บอยู่ในคลังสมองของเขา และเมื่อถึงเวลาที่ต้องการ ภาพเหล่านั้นจะถูกดึงออกมาใช้เพื่อสร้างสรรค์เป็นผลงานในรูปแบบต่างๆ ส่วนผลงานที่ยังไม่สามารถจัดแสดงได้ในขณะนั้น ก็จะจารึกไว้ว่าเป็นงานศิลปะบนผนังกำแพงอยู่เช่นนั้น เขากล่าวว่า ผมสร้างงานกราฟฟิตี้โดยที่ไม่ต้องเขียนภาพร่าง อย่างมากก็อาจจะเขียนคีย์เวิร์ดหรือองค์ประกอบง่ายๆ เอาไว้บ้าง เมื่อไปถึงพื้นที่ทำงาน สภาพแวดล้อมจะบอกเองว่าผมต้องวาดอย่างไร และองค์ประกอบแบบไหนที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมเหล่านี้ แต่ถ้าเป็นงานรับจ้างเชิงธุรกิจ ผมจะไปถ่ายรูปสถานที่จริงก่อนเพื่อเอามาใช้ประกอบความคิด แล้วค่อยกลับไปวาดอีกครั้ง
เมื่อครั้งที่ Bounce รับงานจากสมาคมวัฒนธรรมจีน (中華文化總會: The General Association Of Chinese Culture) ให้วาดภาพบนผนังกำแพงแห่งหนึ่งที่อยู่บนถนนฉงชิ่งหนานลู่ ในกรุงไทเป หรือย่านเฉิงหนาน (城南 หรือเฉิงหนาน เป็นชื่อเรียกกรุงไทเปในยุคสมัยที่ไต้หวันถูกปกครองโดยญี่ปุ่น ซึ่งหมายถึงพื้นที่ทางตอนใต้ภายในกำแพงเมือง) เขาได้วาดภาพเด็กผู้ชายสวมหมวกแก๊ป ใส่แว่นกันแดด สวมชุดงิ้วสีแดงลายดอกไม้สีขาวแบบชาวจีนฮากกา เพื่อสื่อถึงการทับซ้อนและความสับสนระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและวัฒนธรรมแบบใหม่ หรือผลงานกราฟฟิตี้อีกชิ้นที่ปรากฏบนผนังตึกด้านนอกของร้านกีฬาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในย่านการค้าซีเหมินติงกลางกรุงไทเป ซึ่งเป็นภาพลูกผสมระหว่างศิลปะแบบแอบสแตรก (abstract) สามมิติ (3D) และคิวบิส (Cubism) ภาพดังกล่าวจับคู่กับภาพของนักบาสเกตบอลชื่อดังระดับโลกที่อยู่อีกด้านของตัวตึกได้อย่างลงตัว ส่วนผลงานอีกชิ้นของเขาได้ไอเดียจากเอกลักษณ์ของท้องถิ่นในตำบลตงซื่อของนครไทจง ในภาคกลางของไต้หวัน เขาวาดภาพที่ผสมผสานระหว่างดอกมะเยาหรือดอกโหยวถงฮวา (油桐花) ผลลูกพลับ และกิเลน บนผนังกำแพงของร้านอาหารแห่งหนึ่งด้วยสีที่โดดเด่นสะดุดตา แน่นอนว่าผลงานของเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตของคนเมืองกรุงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะภาพกราฟฟิตี้ที่ปรากฏอยู่ตามช่องระบายอากาศตามสถานีรถไฟฟ้าไทเปในที่ต่างๆ
การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะกลางแจ้งมีความยากลำบากไม่แพ้งานศิลปะในอาคาร ปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นขณะทำงานจึงเป็นบททดสอบความอดทนและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวศิลปินภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ เช่น สภาพอากาศที่ร้อนจัดและมีแดดแรง พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและรถราที่วิ่งผ่านไปมา การติดตั้งบริเวณโดยรอบ มุมในการวาดภาพ ตลอดจนเงื่อนไขของเวลา ก่อนจะลงมือวาด รู้สึกว่าเป็นงานที่ยาก แต่เมื่อวาดเสร็จความรู้สึกเช่นนั้นก็หายไป เขาหัวเราะและบอกว่าเนื่องจากเขามักจะต้องไปวาดภาพกราฟฟิตี้บนกำแพงที่มีความสูงเทียบเท่ากับตึกหลายชั้นอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจไปสอบใบอนุญาตเป็นพนักงานควบคุมการทำงานรถกระเช้าด้วย
กราฟฟิตี้ท้องถนน สู่งานแสดงระดับนานาชาติ
ศิลปะกราฟฟิตี้มอบประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วไปให้กับ Bounce ทำให้เขาได้รู้จักกับผู้คนมากมาย รวมทั้งมีโอกาสได้ไปเยือนเมืองต่างๆ ในต่างประเทศ ดังเช่นเมื่อครั้งที่ทอม ครูซ เดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ไต้หวัน ในตอนนั้น Bounce ได้วาดภาพโปสเตอร์แนวกราฟฟิตี้สำหรับงานโปรโมทภาพยนตร์ครั้งนี้ขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งหลังจากที่ Duncan เพื่อนของเขาที่เป็นนักวาดการ์ตูนชื่อดังของไต้หวันได้โชว์โปสเตอร์ดังกล่าวภายในงาน พระเอกฮอลลีวูดอย่างทอม ครูซ ถึงกับแสดงความชื่นชมในผลงานชิ้นนี้ทันทีที่ได้เห็น และยังเซ็นลายเซ็นให้ด้วยตัวเอง Bounce ได้ไปเข้าร่วมการประกวดศิลปะกราฟฟิตี้ระดับนานาชาติที่เมืองถงชวน มณฑลซานซี ในจีนแผ่นดินใหญ่ เขาสร้างผลงานชิ้นใหม่ที่ไม่เหมือนใคร โดยได้แรงบันดาลใจจากตัวละครในภาพยนตร์เรื่องสตาร์วอร์ส รูปปั้นทหารและม้าดินเผา ปิงหมาหย่ง ขณะเดียวกันเขายังค้นพบว่ารัฐบาลท้องถิ่นของจีนแผ่นดินใหญ่ให้อิสรเสรีและให้การสนับสนุนศิลปะกราฟฟิตี้เป็นอย่างยิ่ง ศิลปะแขนงนี้นี่เองที่เป็นแรงขับให้เขาเดินทางไปฝรั่งเศส ซึมซับและเรียนรู้ธรรมชาติ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของที่นั่น จนกลายเป็นแรงกระตุ้นให้เขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างออกไปจากชิ้นงานที่ทำในไต้หวัน ความคิดของคนไต้หวันคือข้าวของเครื่องใช้ต้องสามารถใช้งานได้ก็เพียงพอแล้ว แต่การได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่สวยงามเช่นนั้น ทำให้ผมสามารถสร้างผลงานชิ้นนั้นในฝรั่งเศสได้โดยใช้เวลาสามเดือน และเป็นผลงานที่ผมเองก็ไม่สามารถจะทำให้สำเร็จได้หากอยู่ที่ไต้หวัน Bounce กล่าวพลางนึกถึงอดีตที่ผ่านมา
ในไต้หวันเอง คนรุ่นก่อนยังคงมองว่างานกราฟฟิตี้เป็นภาพวาดที่ฉีดพ่นไปเรื่อย จนถูกมองว่าเป็นสาเหตุแห่งความไร้ระเบียบและสกปรก ถึงกับเกิดการประชดประชันขึ้นว่า ต่อให้มีกำแพงขนาดใหญ่ว่างๆ ไม่ได้ทำอะไร เจ้าของที่ดินยังยอมที่จะปล่อยเช่าให้กับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ไม่สวยไม่น่ามอง ดีกว่าให้ใช้เป็นสถานที่สำหรับโชว์ผลงานของบรรดาศิลปินทั้งหลาย
Bounce เปิดเผยว่าตัวเขาเองยืนหยัดอยู่ในวงการนี้มานานกว่า 12 ปี เขาอยากให้สังคมเปิดใจและมองศิลปะกราฟฟิตี้ในเชิงบวก งานกราฟฟิตี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสนุกของวัยรุ่นเท่านั้น เขาพยายามคว้าโอกาสที่จะได้แสดงผลงานในทุกๆ ครั้ง เพราะขณะนี้มีผลงานที่จัดแสดงหรือโชว์อยู่ตามท้องถนนมากมาย การสร้างการรับรู้จะค่อยๆ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจในศิลปะดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเทียบกับมือพ่นส่วนใหญ่ที่มักจะออกฉายเดี่ยวฉีดพ่นไปตามตึกร้างหรือตามข้างถนนแล้ว การที่นักสร้างสรรค์ทั้งหลายจะได้รับโอกาสให้สร้างสรรค์ผลงานบนกำแพงผืนใหญ่ขนาดสูงเท่าตึกสองสามชั้นได้นั้นเป็นไปได้น้อยมาก ที่ผ่านมาต้องพึ่งพาภาคเอกชนหรือการสนับสนุนจากส่วนต่างๆ ของภาครัฐจึงจะสามารถทำได้ Bounce พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ภาครัฐยังคงมีท่าทีเชิงอนุรักษ์นิยมต่อศิลปะกราฟฟิตี้ และเรียกงานกราฟฟิตี้ว่า ภาพสี หรือไม่ก็ให้มีการจัดพื้นที่สำหรับโชว์ผลงานกราฟฟิตี้ขึ้นอย่างถูกกฎหมายเป็นการเฉพาะ นักสร้างสรรค์เหล่านี้จะต้องออกไปสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองที่ต่างประเทศเสียก่อน จนได้รับการยกย่องว่าเป็น บุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับไต้หวัน แล้วค่อยกลับมา ไม่เช่นนั้นแล้วจะเปรียบได้กับวิธีการรบแบบกองโจร การทำงานแต่เพียงลำพัง เป็นการยากที่จะขยายขอบเขตของอิทธิพลให้กว้างขึ้น
หากไม่เข้าใจในศิลปะกราฟฟิตี้ก็ไม่เป็นไร Bounce เปิดเผยว่าเขาเคยลองนำองค์ประกอบในท้องถิ่นนั้นๆ มาเป็นส่วนหนึ่งในผลงานของเขา แม้จะดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันที่คุ้นเคยจึงเป็นการง่ายกว่าในการสร้างความเป็นกันเองกับผู้คนทั่วไป ก่อให้เกิดการยอมรับและเปิดโอกาสในการทำความเข้าใจกับศิลปะกราฟฟิตี้มากขึ้น
ผมคือสปายของวงการกราฟฟิตี้
ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา Bounce ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นถึงคุณค่าในตัวของเขา และกลายเป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับจากโลกภายนอก เขาเป็นคนที่มีความแน่วแน่ในการสร้างสรรค์ผลงาน เมื่อได้รับการว่าจ้างจากลูกค้าให้ไปวาดภาพ เขาจะไม่ทำงานโดยยึดความคิดเห็นของผู้ว่าจ้างเพียงฝ่ายเดียว ผมสามารถทำให้ผู้ที่ชื่นชอบในผลงานของผมมาหาผม นั่นเป็นเพราะผลงานเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณของแบรนด์ประจำตัว ผมจะไม่สร้างผลงานที่ไม่เต็มใจทำและต้องทำให้เสร็จเพื่อให้เป็นไปตามความคิดเห็นของอีกฝ่าย เขากล่าวเปรียบเปรยงานกราฟฟิตี้ของตัวเองแบบติดตลกว่าเป็นศิลปะแบบ ปรสิต ที่แฝงเข้ามาอาศัยอยู่ในกำแพงที่มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน อาศัยอยู่ตามเสื้อผ้าของเล่น หรือกิจกรรมของหน่วยงานราชการต่างๆ ผมคือสปายหรือสายลับของวงการกราฟฟิตี้ที่ถูกส่งให้ไปทำเรื่องลับๆ ใต้ดินที่คนกลุ่มนั้นไม่สามารถกระทำได้ Bounce ไม่เพียงแต่จะเป็นศิลปินกราฟฟิตี้ที่ฝีมือดีเท่านั้น แต่เขายังร่วมมือกับแบรนด์สินค้าทั้งในและต่างประเทศมากมายและร่วมจัดแสดงผลงานในงานนิทรรศการต่างๆ นอกจากนี้ เขายังมีส่วนร่วมในการทำสตอรี่บอร์ดและงานศิลป์ให้กับภาพยนตร์ โฆษณา ตลอดจนมิวสิกวิดีโออีกด้วย นับได้ว่า Bounce เป็นนักออกแบบนิเทศศิลป์อีกคนหนึ่ง
ทั้งศิลปะแบบฮิปฮอปสไตล์อเมริกันหรือภาพพิมพ์อูคิโยเอะแบบญี่ปุ่น ต่างก็มีเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างชัดเจน และแม้กระทั่งเหตุการณ์ อาหรับสปริง ซึ่งเป็นการเรียกร้องเสรีภาพในกลุ่มประเทศอาหรับจะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม แต่ภาพกราฟฟิตี้ที่บอกเล่าเรื่องราวการประท้วงยังปรากฏอยู่บนผนังกำแพงตามท้องถนนในกรุงไคโรของประเทศอียิปต์ ไต้หวันเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มาผสมผสานกัน ถ้าเช่นนั้นแล้ว กราฟฟิตี้แบบไหนที่จะสามารถสะท้อนถึงตัวตนของไต้หวันได้จริง ณ ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบไหนเลยที่จะสามารถสื่อให้เห็นได้มากที่สุด วัฒนธรรมคือผลรวมของวิถีชีวิตของมนุษย์ Bounce มองว่าสภาพแวดล้อมของไต้หวันได้ซึมซับเอาวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ เข้ามามากมาย อีกทั้งไม่มีภาพที่โดดเด่นและสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการวาดกราฟฟิตี้ จึงเป็นการยากมากที่จะให้คำนิยามที่แม่นยำได้
ธรรมชาติคือหัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์
Bounce มักหยิบจับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานแต่ละชิ้น แม้ว่าบางครั้งจะเป็นประเด็นสาธารณะที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน หรืออาจจะก่อให้เกิดเสียงสะท้อนจากสังคมตามมา แต่ในท้ายที่สุดเขาก็จะไม่ไหลไปตามกระแสสังคม เราทุกคนต่างมีจุดยืนในแต่ละเรื่องแตกต่างกัน และคงไม่มองเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ผมไม่ต้องการสร้างอิทธิพลต่อผู้ชมให้มีความเข้าใจในงานกราฟฟิตี้มากเกินไป เพราะจะนำไปสู่วิธีคิดที่มากเกินกว่าความหมายของตัวภาพเอง
Bounce กล่าวเสริมว่า ผมค่อนข้างจะให้ความสำคัญในเรื่องของธรรมชาติสร้างสรรค์ที่แฝงอยู่ในตัวคนทุกคน โดยเฉพาะด้านนิเทศศิลป์ที่มีความสำคัญมาก ผมเคยเรียนด้านประวัติศาสตร์ศิลปะแบบประเพณีนิยมมาก่อน จึงได้รับอิทธิพลจากแนวคิดดั้งเดิมค่อนข้างสูง ผลงานของผมจึงมีวิธีคิดคล้ายคลึงกับงานของดาวินชีหรือของแวนโก๊ะเป็นส่วนใหญ่ ที่ต้องการแสดงออกถึงความรู้สึกภายในใจผ่านผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาซึ่งสะท้อนความเป็นจริงที่บริสุทธิ์มากที่สุด
มือพ่นกราฟฟิตี้บางคนต้องการโชว์ฝีไม้ลายมือและประกาศตัวตนให้คนอื่นรับรู้ จึงมักจะ พ่นลายเซ็น ของตัวเองไว้บนผนังด้านนอกของตัวอาคารหรือตึกสูงในย่านการค้าต่างๆ บ้างก็ไปพ่นตามตึกร้างหรือตึกที่ทรุดโทรม บ้างก็ ฉีดพ่นทับ ผลงานของศิลปินกราฟฟิตี้ที่มาวาดไว้ก่อน และผลงานของ Bounce ก็หนีมือพ่นกลุ่มนี้ไม่พ้นเช่นกัน แม้จะเคยมีเพื่อนและครอบครัวรวมทั้งแฟนคลับโพสต์ข้อความในอินเตอร์เน็ตเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเขา แต่เขามีท่าทีสงบและนิ่งเฉยมาโดยตลอด เพราะในฐานะที่เขาคลุกคลีอยู่ในวงการมานาน เขาเข้าใจดีกว่ามือพ่นเหล่านี้มีแรงกระตุ้นที่ต้องการจะแสดงออก อย่าเพิ่งพูดถึงว่าภาพสวยหรือไม่สวย สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติที่ควรเคารพและให้เกียรติผู้อื่น ชาวกราฟฟิตี้จำนวนมากมักจะตัดพ้อว่าวัฒนธรรมของไต้หวันยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร ไม่ให้ความสำคัญกับงานศิลปะแบบกราฟฟิตี้ แต่คนจำนวนมากกลับไม่เคยคิดเลยว่า ก่อนที่จะให้ผู้อื่นให้เกียรติเรา เราก็ควรต้องให้เกียรติผู้อื่นก่อน ให้เกียรติสภาพแวดล้อมแห่งนี้ และให้เกียรติคนทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนงานกราฟฟิตี้
หวังว่าทุกคนจะชอบและมีความเข้าใจในด้านดีของงานกราฟฟิตี้ และความหมายของงานกราฟฟิตี้ที่มีต่อเมืองเมืองหนึ่ง ที่ไม่ใช่การพ่นสีอย่างไร้ระเบียบเหมือนสุนัขที่ปัสสาวะไม่เป็นที่ คนที่อยู่ในวงการเดียวกันบางส่วนต่างก็ทราบดีว่าจะต้องยืนบนขาตัวเอง ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และคาดหวังว่างานพ่นกราฟฟิตี้ที่สร้างขึ้นจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับตึกอาคารเหล่านั้น ผลงานของผมมักจะมองเห็นลายเส้นที่วาดเส้นแรกและเส้นสุดท้ายเสมอ เพราะจะซ้อนขึ้นไปเป็นชั้นๆ จริงๆ แล้วกราฟฟิตี้สามารถใช้วีธีการวาดคล้ายกับวงปีของต้นไม้ได้เช่นกัน เพื่อซึมซับกับความรู้สึกที่ชวนให้คิดถึงประวัติศาสตร์และเวลาเก่าๆ
ย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นของผลงานที่สร้างขึ้นในปี 2005 ของ Bounce จากการที่เขาหลงใหลในกราฟฟิตี้อย่างมาก ทุกๆ วันเขาจึงเฝ้ารอให้ถึงเวลาเที่ยงคืนซึ่งเป็นเวลาที่เขาจะได้ออกไปสัมผัสและดื่มด่ำกับค่ำคืนของเมืองแห่งนี้ วาดภาพจนฟ้าสางแล้วจึงนั่งรถโดยสารเที่ยวแรกกลับมาบ้านและนอนพักผ่อน เขาใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้นานหลายปี แต่ความใฝ่ฝันที่ต้องการให้ผู้คนได้เห็นในความยืนหยัดของเขาไม่เคยจางหายไป เฉกเช่นเดียวกับเจ้ากระต่ายตัวนั้นที่เขาวาดเอาไว้ซึ่งไม่เคยหลงลืมความตั้งใจเดิม มุ่งมั่นเดินหน้าไปตามเสียงที่ได้ยิน ยิ่งกว่านั้นคนทุกคนที่เจ้ากระต่ายคอยเป็นกำลังใจให้ ในท้ายที่สุดก็สามารถค้นพบเสียงที่ออกมาจากใจของตัวเองได้สำเร็จ