ปั่นไปในไต้หวัน
คลาสสิก เจาะลึก ท้าทาย
เนื้อเรื่อง‧ กัวเหม่ยอวี๋ ภาพ‧จวงคุนหรู แปล‧มณฑิรา ไชยวุฒิ
ตุลาคม 2024
ไต้หวันได้รับสมญานามว่า “อาณาจักรแห่งจักรยาน” ซึ่งจักรยานไม่ได้มีไว้สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นยานพาหนะเพื่อการดำเนินชีวิตในท้องถิ่นด้วย ดังนั้นการจัดทริปปั่นจักรยานจึงถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการปั่นข้ามเมือง ปั่นแบบสโลว์ไลฟ์ในพื้นที่ชนบท หรือปั่นท้าทายขึ้นไปบนภูเขาสูง 3,000 เมตร จักรยานสามารถพาเราไปพานพบการเดินทางที่แสนมหัศจรรย์
ช่วงเช้ามืดประมาณตีสี่ครึ่ง ก่อนท้องฟ้าจะรุ่งสางก็ออกเดินทาง โดยปั่นจักรยานมาถึงน้ำพุแห่งความหวัง แลนด์มาร์คของสวนสาธารณะต้าเจียริเวอร์ไซด์พาร์ค (Dajia Riverside Park) ในกรุงไทเป รอจนกระทั่งฟ้าสาง ทริปการปั่นจักรยานของเราจึงเริ่มต้นขึ้น
หลินฮุ่ยจง (林惠忠) ผู้ก่อตั้งสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพและความยั่งยืนไต้หวัน (Taiwan Lohas Cycling Association) ที่ส่งเสริมการปั่นจักรยานด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้ากล่าวว่า “ตอนที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังพื้นดิน คุณจะต้องอุทานว่า “ว้าว! สวยมาก” ตอนเช้าอันเงียบสงบที่ได้สัมผัสความงดงามของวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำและแสงรุ่งอรุณ ช่วยสร้างความเบิกบานให้เกิดขึ้นในใจ
ในทำนองเดียวกัน หลินฮุ่ยจงบอกว่า “การชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ท่าเรือประมงอ้าวตี่ ในเมืองจีหลง โดยเฉพาะตอนที่พระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากกำแพงกันคลื่น เป็นสิ่งที่สวยงามมากจริง ๆ”
ไต้หวันเป็นผู้ผลิตจักรยานรายใหญ่ของโลก เมื่อมีรากฐานทางอุตสาหกรรมที่แน่นปึก กระทรวงคมนาคมไต้หวัน และรัฐบาลท้องถิ่นจึงได้ร่วมมือกันสร้างเส้นทางจักรยานขึ้นมา และในปี ค.ศ. 2012 กรุงไทเปก็เป็นผู้นำในการเปิดตัวระบบบริการจักรยานสาธารณะ อันเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนด์การปั่นจักรยานเพื่อลดคาร์บอน ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีบริการเช่ายืมจักรยานจากจุด A และนำไปคืนที่จุด B ส่วนบริเวณจุดชมวิวกับสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแห่ง มีจุดให้บริการเช่าจักรยานของภาคเอกชน ทำให้ประชาชนอยากปั่นจักรยานเมื่อไหร่ก็ปั่นได้ ซึ่งสะดวกสบายมาก
ปัจจุบันทั่วไต้หวันมีเส้นทางจักรยาน คิดเป็นระยะทางรวม 9,354 กิโลเมตร การปั่นจักรยานที่กำลังเฟื่องฟู ก็ทำให้กลุ่มนักปั่นจักรยานมีความกระตือรือร้นในการเปิด “โรงเรียนสอนปั่นจักรยาน” ของตนเอง เพื่อส่งเสริมแนวคิดและเทคนิคการปั่นจักรยานอย่างปลอดภัย นอกจากนี้นักปั่นจักรยานยังได้เปิดเผยสถานที่ลึกลับสำหรับชมวิวทิวทัศน์อันงดงามมากมาย ซึ่งทำให้เส้นทางปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเต็มไปด้วยสีสันอันหลากหลาย
กระทรวงคมนาคมไต้หวันจึงใช้เส้นทางจักรยานรอบเกาะ เป็นแกนหลักเชื่อมโยงอุทยานท่องเที่ยวแห่งชาติ 13 แห่ง อีกทั้งยังผสมผสานสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ควบคู่ไปกับเส้นทางรถไฟสายหลัก สร้างเป็นเส้นทางปั่นจักรยานตามแนวชายฝั่งทะเล ริมฝั่งแม่น้ำ รอบภูเขา บนภูเขา พื้นที่ชนบท และเกาะรอบนอก ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งหมด 16 เส้นทาง และยังได้มีการจัดทำเว็บไซต์ “Cycling in Taiwan” เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปั่นจักรยาน ดังนั้นจากตอนเช้าถึงพลบค่ำ จากเมืองสู่พื้นที่ต่าง ๆ จากภูเขาสู่ทะเล ล้วนมีเส้นทางปั่นจักรยานที่สามารถเติมเต็มความสุขให้กับการสำรวจเชิงลึกของเหล่านักเดินทางได้
ทางหลวงที่ข้ามผ่านหุบเขาบริเวณฮัวเหลียน-ไถตง
มีทัศนียภาพที่งดงามของภูเขา ผืนน้ำ และทุ่งนา สลับกัน
ไม่ว่าภูเขา ทะเล หรือเมืองไหนก็ตาม ล้วนมีเส้นทางจักรยานให้ผู้คนได้เพลิดเพลินไปกับความสนุกสนานในการไล่ตามสายลม
ความคลาสสิกของเส้นทางปั่นจักรยานในไต้หวัน
ในบรรดาเส้นทางปั่นจักรยานที่มีมากมาย จะมีวิธีการเลือกอย่างไร? คุณหวงจื้อผิง (黃志平) นักปั่นจักรยานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว และทำหน้าที่ฝ่ายจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวของโรงเรียนสอนปั่นจักรยาน KHS กล่าวว่า เส้นทางการปั่นจักรยานแบบหนึ่งวันถือเป็นตัวเลือกแรกสำหรับการท่องเที่ยวแบบ Micro Tourism (การท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ) เมื่อจำนวนวันน้อยก็สามารถวางแผนไปเที่ยวชมภูเขาและทะเลทางภาคใต้หรือภาคตะวันออกได้ ส่วนเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการปั่นจักรยานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือ การปั่นจักรยานรอบเกาะ โดยสามารถปั่นจักรยานรอบไต้หวันได้ภายในเวลา 9 ถึง 14 วัน ส่วนเส้นทางสำหรับมืออาชีพที่มีความท้าทาย ก็สามารถปั่นขึ้นไปบนภูเขาอู๋หลิ่ง บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 3,270 เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขายอดฮิตสำหรับนักปั่นมืออาชีพ
คุณหวงจื้อผิงได้แนะนำเส้นทางคลาสสิกสำหรับการปั่นจักรยานในไต้หวัน ในภาคเหนือต้องไปสัมผัสประสบการณ์เส้นทางจักรยานที่สมบูรณ์แบบของสวนสาธารณะริมแม่น้ำ ส่วนที่ภาคกลางคุณสามารถปั่นจักรยานไปตามถนนรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake Highway) ซึ่งได้รับเลือกจากเว็บไซต์ CNN ให้เป็น 1 ใน 10 เส้นทางจักรยานที่สวยที่สุดในโลก สำหรับทางภาคใต้ก็ต้องเป็นเส้นทางเหิงชุน-เขิ่นติง สัมผัส ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์พร้อมกับโอบกอดท้องฟ้าสีคราม มหาสมุทรและเมืองโบราณ ขณะที่ภาคตะวันออกดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ภูเขาและทะเลในวิถีสโลว์ไลฟ์ หรือจะเป็นเกาะรอบนอกอย่างจินเหมิน กับเส้นทางปั่นจักรยานที่เชื่อมโยงกับสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์และสมรภูมิ ซึ่งเหมือนกับการนั่งไทม์แมชชีนข้ามผ่านกาลเวลา ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของฝูเจี้ยน รวมถึงบรรยากาศสนามรบในอดีต
เขากล่าวว่า นักปั่นจักรยานสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ หรือให้มืออาชีพวางแผนการเดินทางที่มีลักษณะเฉพาะ หรือใช้รถมาช่วยเสริมการดูแลตลอดเส้นทาง หรือโดยสารรถไฟและรถไฟความเร็วสูงในการช่วยเคลื่อนย้าย เพื่อให้กลายเป็นทริปปั่นจักรยานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และหากมีกำลังขาไม่เพียงพอ ก็ยังสามารถเช่าจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มาปั่นสบาย ๆ แบบง่าย ๆ ได้เช่นกัน
อุโมงค์รถไฟอู๋ตู่เก่าที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี ได้กลายมาเป็น “ทางจักรยาน” ที่เมื่อปั่นลอดอุโมงค์ จะสามารถเดินทางจากเขตซี่จื่อ นครนิวไทเป ตรงไปถึงจีหลงได้
ทางจักรยานริมแม่น้ำของกรุงไทเปและนครนิวไทเป ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี การปั่นช้า ๆ ชื่นชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำ เป็นความรู้สึกที่น่ารื่นรมย์มาก
เส้นทางปั่นจักรยานรอบเกาะหมายเลข 1 สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับความเร็ว
เมื่อพูดถึงการปั่นจักรยานรอบเกาะ เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือการปั่นไปบน “ทางหลวงจักรยาน” หรือที่เรียกว่า “เส้นทางปั่นจักรยานรอบเกาะหมายเลข 1” ซึ่งมีความยาวตลอดเส้นทางหลักรวม 960.8 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีรถไฟซงซานเป็นกิโลเมตรที่ 0 ไปถึงผิงตง แล้วปั่นเลียบชายทะเลฝั่งตะวันออกขึ้นมาทางเหนือ ช่วงระหว่างซูฮ้าว-ฮัวเหลียนที่มีดินหินตกลงมาบ่อย ๆ ก็สามารถนั่งรถไฟได้ “เส้นทางปั่นจักรยานรอบเกาะหมายเลข 1” จะมีสถานีให้บริการอยู่ตลอดทาง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 9 ถึง 14 วัน ในการปั่นรอบเกาะ
เส้นทางปั่นจักรยานรอบเกาะหมายเลข 1 เป็นทางหลักที่สามารถเชื่อมต่อกับ 25 เส้นทางที่แตกแขนงไปสู่พื้นที่รอบนอกของเมืองต่าง ๆ กลายเป็น “เส้นทางรอบเกาะวงใหญ่” ที่มีระยะทางประมาณ 1,200 กิโลเมตรขึ้นไป เหล่านักปั่นสามารถแยกออกจากเส้นทางหลัก ไปเยี่ยมชม 1 ใน 8 ทิวทัศน์อันโด่งดังของไต้หวัน อย่างทะเลสาบสุริยันจันทราในเมืองหนานโถว, พิพิธภัณฑ์พระราชวัง (กู้กง) ภาคใต้ที่เมืองเจียอี้, เขิ่นติงที่แหลมเหิงชุน อุทยานท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ
ไต้หวันมีแนวชายฝั่งที่สวยงาม การปั่นจักรยานบนเส้นทางเลียบชายฝั่งทะเล สามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ปั่นขึ้นไปสู่ยอดเขาอู๋หลิ่ง
อู๋หลิ่ง ยอดเขาหลักของภูเขาเหอฮวนซาน คือจุดสูงสุดบนทางหลวงของไต้หวัน และเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในใจของนักปั่นจักรยานทั้งหลายด้วย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหพันธ์นักปั่นจักรยานไต้หวัน (Taiwan Cyclist Federation) ได้จัดกิจกรรมการแข่งขัน “Taiwan King of Mountain” (KOM) ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเริ่มต้นจากชายหาดชีซิงถันที่อยู่ริมมหาสมุทรแปซิฟิก ในเมืองฮัวเหลียน ปั่นขึ้นไปบนที่สูงผ่านหุบเขาทาโรโกะ ตรงสู่ยอดเขา อู๋หลิ่ง มีระยะทางรวม 105 กิโลเมตร ซึ่งเป็นถนนที่มีทางคดเคี้ยวมากมาย การไต่ความสูงจากระดับน้ำทะเลที่เริ่มตั้งแต่ 0 เมตรไปจนถึง 3,275 เมตร จำเป็นต้องผ่านหลายจุดที่มีลักษณะภูมิอากาศแตกต่างกันจึงจะไปถึงบนยอดเขาสูงได้ “Le Cycle” นิตยสารจักรยานใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส เคยจัดอันดับให้การแข่งขันนี้เป็นหนึ่งใน 10 เส้นทางปั่นจักรยานที่ยากที่สุดในโลก และเป็น 1 ใน 50 เส้นทางแข่งขันจักรยานที่สวยที่สุดในโลก
หลินฮุ่ยจงได้แนะนำเส้นทางพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์บนยอดเขาที่อู๋หลิ่ง โดยเริ่มต้นจาก Kuan Yun Youth Hostel ที่่ฮัวเหลียน ปั่นไปตามทางหลวงหมายเลข ไถ 8 เป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร จนถึงต้าอวี๋หลิ่งเพื่อเป็นการอบอุ่นร่างกายก่อน แล้วค่อยปั่นต่อไปอีก 10 กิโลเมตรจนถึงอู๋หลิ่ง หลินฮุ่ยจงกล่าวว่า “อย่าได้ดูถูก 10 กิโลเมตรนี้ ซึ่งไต่ความสูงจากระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นไป 710 เมตร เพราะเป็นความยากใน “ระดับตูร์เดอฟรองซ์” ทีเดียว โดยระหว่างทางจะได้เห็นทิวทัศน์อันกว้างไกลและทัศนียภาพของหน้าผากับหุบเขา คุณจะต้องรู้สึกทึ่งว่า ทำไมไต้หวันถึงได้งดงามอะไรเช่นนี้ !
เส้นทางจักรยานรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา
ทะเลสาบสุริยันจันทราของภาคกลาง เป็นทะเลสาบในพื้นที่ภูเขาที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางที่ 748 เมตร ก่อให้เกิดไอน้ำหนาแน่นและมีการแบ่งชั้นทิวทัศน์ของภูเขาที่แตกต่างกัน กรมทางหลวงจึงเปิดเส้นทางจักรยานรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา โดยในปี ค.ศ. 2014 ได้รับเลือกให้เป็นเส้นทางจักรยานพี่น้องกับเส้นทาง SETOUCHI-SHIMANAMI ของญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการปั่นจักรยานและการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน
สำนักงานบริหารอุทยานท่องเที่ยวแห่งชาติทะเลสาบสุริยันจันทรากล่าวว่า เส้นทางจักรยานจากบริเวณสุ่ยเซ่อถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเซี่ยงซาน จะมีเส้นทางปั่นจักรยานบนน้ำเป็นระยะทางประมาณ 400 เมตร ดังนั้นการปั่นจักรยานที่นี่จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่บนน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่มได้ที่ถนนโบราณบริเวณท่าเรืออีต๋าเส้า (Ita Thao Pier) ลิ้มรสอาหารสไตล์ ชนพื้นเมืองเผ่าเส้า จิบชาดำที่มีชื่อเสียงโด่งดังของทะเลสาบสุริยันจันทรา แล้วจึงค่อยออกเดินทาง
ระหว่างทางที่ทาโรโกะ ความงดงามของภูเขาที่ตระการตา หุบเขาลึกและวิวบนภูเขา ช่างเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก (ภาพจาก หลินเก๋อหลี่)
เจาะลึก+ลึกลับ
“ถ้าอยากเที่ยวแบบเจาะลึก ให้เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักเมืองหลวง” หลินฮุ่ยจงได้พัฒนาเส้นทางลึกลับสำหรับการปั่นจักรยานขึ้นมาเองจำนวน 113 เส้นทาง โดยแนะนำให้เริ่มต้นจากการปั่นจักรยานริมแม่น้ำจีหลงในกรุงไทเป ทั้งทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ซึ่งเส้นทางฝั่งซ้ายจะได้ชมความงดงามของน้ำพุแห่งความหวังที่สูงเทียบเท่าตึก 25 ชั้น ส่วนทางฝั่งขวาจะได้เยี่ยมชมธรรมชาติที่ผสมผสานกับศิลปะสาธารณะ การออกแบบทางสถาปัตยกรรมของสวนวัฒนธรรมจิงกั๋วชีไห่ (Ching-Kuo Chi-Hai Cultural Park) ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางปั่นจักรยานที่จะช่วยให้เราเลี่ยงออกจากความเร่งรีบวุ่นวายได้ชั่วคราว
นักท่องเที่ยวยังสามารถออกเดินทางจากต้าเต้าเฉิง (Dadaocheng) โดยเริ่มจากเยี่ยมชมย่านการค้าตี๋ฮั่วเจีย (Dihua Street) ที่ผสมผสานระหว่างความเก่าและใหม่ จากนั้นก็ปั่นต่อไปที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำบริเวณท่าเรือต้าเต้าเฉิง แล้วปั่นต่อไปยังท่าเรือกวนตู้ ท่าเรือประมงตั้นสุ่ย หรือนั่งเรือข้ามฟากไปยังปาหลี่ที่อยู่ทางฝั่งซ้าย เพื่อเพลิดเพลินกับความหลากหลายของกิจกรรมสันทนาการริมแม่น้ำ
แต่หากกำลังขาแข็งแรงพอ หลิยฮุ่ยจงก็แนะนำความท้าทายของเส้นทางจักรยานบริเวณสถานีตรวจวัดสภาพภูมิอากาศต้าถุนซาน (Mount Datun Air Navigation Station) ซึ่งสูงที่สุดในกรุงไทเป (มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,076 เมตร) โดยออกเดินทางจากรถไฟฟ้า MRT สถานีกวนตู้ แล้วปั่นไปตามเส้นทางชมความงดงามทางธรณีวิทยาของภูเขาไฟ และยังสามารถมองเห็นที่ราบกวนตู้ได้ด้วย จากนั้นปั่นต่อมาตามทางหลวงบารากาจนถึงชายฝั่งทะเลทางตอนเหนือ แล้วค่อยกลับเข้าไปสู่ท่าเรือประมงตั้นสุ่ย รวมระยะทาง 70 กิโลเมตร เป็นการเดินทางที่ได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ในเขตภาคเหนือของไต้หวันอย่างเต็มที่
(ขวา) คุณหลินจืออิน ประธานสมาคมจักรยานเสือภูเขาไต้หวัน (ซ้าย) คุณเฉิงซั่งเจ๋อ (成尚哲) ประธานสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมไทเป และนักปั่นมืออาชีพ มักจะมาเป็นอาสาสมัครที่สนาม Pump Track เพื่อส่งเสริมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแบบมีล้อ
เส้นทางบริเวณหุบเขาของฮัวเหลียนและไถตง
ฮัวเหลียนและไถตง เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของวิถีการท่องเที่ยวแบบเนิบช้า ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวไต้หวันและชาวต่างชาติ โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาจงยางและเทือกเขาริมชายฝั่งทะเล ความเร็วที่เหมาะสมที่สุดคือที่ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเส้นทางเล็ก ๆ บริเวณหุบเขาของพื้นที่ชนบท ทำให้ได้สัมผัสถึงขนบธรรมเนียมพื้นบ้านอันเรียบง่าย โดยเฉพาะเส้นทางจักรยานที่อวี้หลี่ เมืองฮัวเหลียน ที่ตัดผ่านแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียกับแผ่นเปลือกโลกทะเลฟิลิปปินส์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของหุบเขาบริเวณฮัวเหลียนและไถตง
เมื่อปั่นจักรยานไปตามเส้นทางบริเวณหุบเขาของฮัวเหลียนและไถตง ต้องไม่พลาดข้าวกล่องที่ใช้ข้าวซึ่งปลูกจากแหล่งที่มีดินน้ำอันอุดมสมบูรณ์ และอาหารเลิศรสอย่างฟองเต้าหู้ที่ย่างด้วยกรรมวิธีแบบโบราณ โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวตามหมู่บ้านชนเผ่าพื้นเมืองได้รับความนิยมอย่างมาก นักปั่นจึงสามารถไปเยี่ยมเยือนถิ่นฐานของชนเผ่าพื้นเมือง และแวะลองลิ้มชิมรสอาหารแสนอร่อยของพวกเขาได้
Pump track การแสดงสุดพิเศษที่ท้าทายตนเอง
ถ้าต้องการปั่นจักรยานบนเส้นทางที่ “น่าตื่นเต้น” ก็สามารถไปสัมผัสสนามจักรยานปั๊มแทร็ก (Pump Track) ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะเรนโบว์ ริเวอร์ไซด์ พาร์ค (Rainbow Riverside Park) ในเขตเน่ยหูของกรุงไทเป ซึ่งเป็นสนามจักรยานปั๊มแทร็กที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน มีทางลูกคลื่นยาว 1 กิโลเมตร ที่สอดคล้องตามมาตรฐานการแข่งขันระดับนานาชาติ และเป็นที่นิยมในกลุ่มนักปั่นมืออาชีพ
หลินจืออิน (林芝因) ประธานสมาคมจักรยานเสือภูเขาไต้หวัน (Taiwan Mountain Bike Association หรือ TWMBA) เปิดเผยว่า สนามจักรยานปั๊มแทร็กถูกนำไปใช้ในการแข่งขันกีฬาอีกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสเก็ตบอร์ดหรืออินไลน์สเก็ต นักปั่นต้องใช้ร่างกายในการเอียง การเลี้ยวและขยับขึ้นลงเพื่อสร้างแรงผลักให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงจะได้ฝึกฝนความเร็ว จังหวะลีลาและความสมดุลของร่างกาย หากแต่เมื่อเพื่อนนักปั่นสามารถฝ่าฟันจุดที่ยากลำบากในสนามแข่งขันไปได้ ก็จะยิ่งรู้สึกอยากท้าทายขีดความสามารถของตนเองอย่างไม่หยุดหย่อน และสามารถปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยได้ด้วย
การที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มนุษย์เราเริ่มหวนนึกถึงวิถีชีวิตและวิธีการเดินทางในอดีต คนจำนวนมากเลือกที่จะโอบกอดธรรมชาติ ใช้วิถีสโลว์ไลฟ์สำรวจเสน่ห์ของท้องถิ่น ดังนั้น จักรยานจึงเป็นยานพาหนะที่ดีที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถขี่จักรยานเข้าไปผสมผสานกลมกลืนกับท้องถิ่น แล้วคุณจะได้ค้นพบมิตรไมตรีจากผู้คน อาหารเลิศรส และทิวทัศน์ที่สวยงามของไต้หวัน
สนาม Pump Track ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทำให้บรรดานักปั่นไม่เคยหยุดที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเอง
สนามจักรยานปั๊มแทร็กบริเวณ Rainbow Riverside Park กรุงไทเป มีทางลูกคลื่นสูงต่ำที่ทำให้นักปั่นรู้สึกเพลิดเพลินจนลืมเวลาไปเลย