อัจฉริยะแห่ง เทเบิลเทนนิส
หลินหยุนหรู ผู้ใช้ไม้ปิงปองแทนคำพูด
เนื้อเรื่อง‧ ซูลี่อิ่ง ภาพ‧จวงคุนหรู แปล‧ รุ่งรัตน์ แซ่หยาง
กุมภาพันธ์ 2022
00:00
與搭檔為台灣拿下桌球混雙的銅牌,東京奧運讓廿歲的林昀儒一戰成名,但少人知悉的是,在此之前,這個台灣新世代的桌球一哥,投入在球場上的時間已經超過十年。這場奧運會,不過是他選手生涯攀升階段的里程碑之一。
หลินหยุนหรู (林昀儒) กลายเป็นคนดังเพียงชั่วข้ามคืน จากการคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสประเภทคู่ผสมในการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป แต่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่า นักเทเบิลเทนนิสมือ 1 ของไต้หวันคนปัจจุบันผู้นี้ ได้เริ่มฝึกฝนตัวเองอย่างหนักมาเป็นเวลานานกว่าสิบปีแล้ว การแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้ ถือเป็นเพียงหนึ่งในเป้าหมายหรือหลักชัยบนเส้นทางสู่ความเป็นสุดยอดนักกีฬาของเขาเท่านั้น
การแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกอันดุเดือดในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของหลินหยุนหรู เพราะก่อนหน้านี้ เขาเป็นเพียงนักกีฬาฝีมือดีที่เป็นที่รู้จักเฉพาะผู้คนในวงการเทเบิลเทนนิสเท่านั้น แต่ภายหลังการสร้างผลงานอันยอดเยี่ยม ปัจจุบันเขาได้กลายมาเป็นนักกีฬาคนดังที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่ว
หนุ่มขี้อายและอ่อนน้อมถ่อมตนที่เห็นบนจอโทรทัศน์ผู้นี้ ยังคงแสดงออกซึ่งความมั่นใจในตัวเองและสามารถสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่องเหมือนเช่นเคยในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่ถูกจัดขึ้นหลังจากกีฬาโอลิมปิกเสร็จสิ้นลง หรือแม้ในขณะที่ให้สัมภาษณ์กับเราในช่วงเวลาว่าง เมื่อถูกถามถึงการแข่งขันอันดุเดือดกับแชมเปียนส์คนดังอย่างฝานเจิ้นตง (樊振東) ดวงตาของเจ้าหนุ่มก็ส่งประกายระยิบระยับราวกับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากจะลืมเลือน ทำให้หนุ่มหลินซึ่งเป็นคนพูดน้อยก็ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวเสริมขึ้นมาว่า “ในการแข่งขันครั้งนั้น ผมรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ใน Zone แล้ว”
“Zone” ที่หลินหยุนหรูพูดถึงนั้น ในทางจิตวิทยาจะหมายถึง “Flow” หรือภาวะลื่นไหลของจิตใจซึ่งจดจ่ออยู่กับการทำกิจกรรมบางอย่างจนเพลินและลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ ซึ่งมีเพียงเหล่านักกีฬาชั้นยอดเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงในระดับนี้ได้ โดยนักกีฬาที่เข้าถึง Zone แล้วนั้น จะรู้สึกเหมือนเวลาหยุดเดิน ลืมทุกอย่างแม้แต่ตัวเอง จนสามารถแสดงฟอร์มการเล่นอันสุดยอด
หากเปรียบเทียบกับการเป็นบุคคลสาธารณะที่ผู้คนจับตามองแล้ว การแสดงความเป็นตัวของตัวเองที่ดีที่สุดของหลินหยุนหรู น่าจะเป็นท่าถือไม้ปิงปองอยู่หน้าโต๊ะ พร้อมห้ำหั่นกับคู่แข่ง
หลินหยุนหรู ผู้เพียบพร้อมทั้งบุคลิกลักษณะที่ดีและมีเทคนิคการเล่นที่ยอดเยี่ยม เปรียบเสมือนวิญญูชนที่มีความสมดุลทั้งด้านกายภาพและการเรียนรู้
เด็กหนุ่มมากพรสวรรค์ ผู้มีเซนส์ในการเล่นอันสุดยอด
บนสนามแข่งขันของกีฬาโอลิมปิก หลินหยุนหรู ผู้ซึ่งทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับทัพนักเทเบิลเทนนิสของไต้หวันได้ขยับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งอันดับ 5 ของโลกแล้ว แม้จะเป็นเด็กหนุ่มที่อายุยังน้อย หากแต่มีผลงานที่โดดเด่นเกินใคร เคยปราบมือดีของโลกมาแล้วมากมายหลายครั้ง ทั้งฝานเจิ้นตง และหม่าหลง (馬龍) ของจีน รวมไปถึง Timo Boll และ Dimitrij Ovtcharov จากเยอรมนี ซึ่งต่างก็เป็นนักเทเบิลเทนนิสระดับแนวหน้าของโลกทั้งสิ้น ความสุขุมเยือกเย็นของเจ้าหนุ่ม ทำให้สื่อมวลชนในต่างประเทศตั้งฉายาให้เป็น “เพชฌฆาตจอมขรึม”
และหากได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเส้นทางบนสายเทเบิลเทนนิสของหลินหยุนหรูแล้ว ก็จะรู้ได้ว่าหนุ่มหลินเพิ่งมาเริ่มเล่นอย่างจริงจังในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นป.3 เท่านั้น ขณะที่นักกีฬาคนอื่นๆ มักเริ่มต้นฝึกฝนตั้งแต่อายุเพียง 4-5 ขวบ จึงอาจกล่าวได้ว่า เขาสามารถไล่ทันคนอื่นๆ ได้ แม้จะเริ่มเล่นช้ากว่าก็ตาม โดยในตอนนั้น เจ้าตัวได้เดินทางไปร่วมแคมป์ฝึกซ้อมกีฬาที่ใช้ลูกบอลในการเล่นของมหาวิทยาลัยอี๋หลานที่บิดาของเขาเป็นโค้ชผู้ฝึกสอนอยู่ ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสกับกีฬาชนิดต่างๆ และด้วยความที่เจ้าตัวอายุยังน้อย กีฬาชนิดอื่นที่ต้องอาศัยส่วนสูงและพละกำลัง เช่น บาสเกตบอล หรือแบดมินตัน เจ้าหนุ่มกลับสนใจเทเบิลเทนนิสที่ไม่มีข้อจำกัดใดๆ
หลังผ่านการฝึกซ้อมอย่างจริงจัง พรสวรรค์ของหลินหยุนหรูก็ค่อยๆ แสดงออกมา โค้ชหลายคนต่างก็ยกย่องเป็นเสียงเดียวกันว่า หนุ่มหลินมีพรสวรรค์สูงมาก นอกจากจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รวดเร็ว และมีความฉลาดแล้ว ยังมีเซนส์ในการเล่นระดับสูงมาก อ.ไล่รุ่ยสง (賴瑞雄) ที่เป็นโค้ชของหลินหยุนหรูขณะที่ยังเรียนอยู่ในชั้นประถมบอกกับเราว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลินหยุนหรูได้ทดลองเล่นโดยใช้ไม้เทเบิลเทนนิสที่คุณภาพไม่ค่อยดีซึ่งเพิ่งจะได้รับมา จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า ไม้มัน “แปลกๆ” โค้ชจึงลอกแผ่นยางของไม้ออก ก่อนจะพบว่ามีรอยแตกที่ตัวไม้ด้านใน
หลังผ่านไปเพียง 1 ปีเศษ หลินหยุนหรูก็สามารถสร้างชื่อเสียงจนระบือไกล ด้วยการคว้าแชมป์ประเภทเดี่ยวจากการแข่งขันในประเทศได้หลายรายการติดต่อกัน ผลงานอันยอดเยี่ยมถือเป็นการปูทางแห่งอนาคตให้กับเจ้าตัว ก่อนจะมีโอกาสเป็นตัวแทนของไต้หวัน เดินทางไปแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกเมื่อมีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น แถมยังทำสถิติเป็นนักกีฬาทีมชาติที่อายุน้อยที่สุดด้วย
หลินหยุนหรูและเจิ้งอี๋จิ้ง (鄭怡靜) คว้าเหรียญทองแดงประเภทคู่ผสม จนทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว (ภาพจาก กรมพลศึกษา กระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน)
พรสวรรค์ช่วยได้เพียงช่วงแรก แต่ความสำเร็จเกิดจากความมุมานะ
แม้หลินหยุนหรูจะได้รับฉายาว่าเป็น “เด็กเทพแห่งเทเบิลเทนนิส” หรือมีคนยกย่องเขาเป็น “สุดยอดแห่งนักกีฬาไต้หวันในรอบ 20 ปี” หรือ “เด็กหนุ่มมากพรสวรรค์ที่ร้อยปีจะมีสักคน” แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า บนเส้นทางสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพนั้น หลินหยุนหรูทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับมันมากกว่าคนอื่นมากมายหลายเท่านัก
ในปีค.ศ.2020 หลินหยุนหรูถ่ายโฆษณาชิ้นหนึ่งซึ่งมีบทพูดว่า “วันหยุดเพียงวันเดียวของผม ก็คือวันแข่งขันจริง” ซึ่งหลังจากโตเกียวโอลิมปิกจบลง คลิปนี้ของเจ้าหนุ่มถูกแฟนๆ ของเขาส่งต่อให้กันอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินหยุนหรูหัวเราะพร้อมบอกกับเราว่า มันเป็นอะไรที่รู้สึกว่าจะ “เวอร์เกินไปหน่อย” เพราะนักกีฬาต้องมีการพักผ่อนที่เพียงพอ แต่รวมๆ แล้วเจ้าตัวก็ยอมรับว่าวันพักผ่อนของเขานั้นดูจะน้อยมากจริงๆ
ปกติแล้ว เขาจะฝึกซ้อมในช่วงกลางวัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึงบ่ายโมง ก่อนจะหยุดพักเที่ยงเพื่อรับประทานอาหารแบบง่ายๆ แล้วกลับมาฝึกซ้อมต่อตั้งแต่บ่ายสามไปจนถึงสองทุ่ม โดยช่วงกลางคืนเจ้าหนุ่มก็มิได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปด้วยการหยุดพัก แต่จะฟิตซ้อมเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับร่างกายด้วย การฝึกซ้อมที่ทั้งหนักและกินเวลานานเช่นนี้ ทำให้อู๋เจี้ยนเหลียง (吳建良) ซึ่งเป็นนักกายภาพบำบัดที่คอยอยู่เคียงข้างระหว่างการฝึกซ้อม ยังถึงกับร้องโอดโอย “กว่าจะกลับถึงบ้านในแต่ละวันก็เกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว”
เพื่อให้การฝึกซ้อมที่หนักหน่วงเป็นไปอย่างราบรื่น คู่ฝึกซ้อมเพียงคนเดียวดูจะไม่เพียงพอ สำหรับนักกีฬาคนอื่นๆ การมีคู่ฝึกซ้อม 1 คนก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับหลินหยุนหรู เขาต้องใช้คู่ฝึกซ้อมมากถึง 2 คน คอยสับเปลี่ยนกัน หวงอวี้เหริน (黃毓仁) หนึ่งในคู่ฝึกซ้อมของหนุ่มหลินบอกว่า ในฐานะของนักกีฬาอาชีพ หลินหยุนหรูมีความรับผิดชอบสูงมาก และมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ “สภาพจิตใจของเขาไม่เหมือนกับเด็กหนุ่มทั่วไปที่มักจะคิดถึงแต่เรื่องการหยุดพัก เพราะเขาจะฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ ถือเป็นคนที่มีความอดทนต่อความยากลำบากสูงมากเมื่อเทียบนักกีฬาในวัยเดียวกัน”
อย่างไรก็ดี สำหรับกีฬาเทเบิลเทนนิสที่ให้ความสำคัญกับเทคนิคการเล่นเป็นอย่างมากนั้น การจะสามารถสร้างชื่อเสียงในสนามแข่งขันได้ ก็มิใช่ว่าจะอาศัยการฝึกซ้อมอย่างหนักเพียงด้านเทคนิคและพละกำลังเท่านั้น แผนการเล่นก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินแพ้ชนะได้เหมือนกัน หนุ่มหลินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก ก็ถือเป็นนักกีฬาที่มีกลยุทธ์การเล่นแพรวพราวไม่น้อยคนหนึ่งเลยทีเดียว
หยางเหิงเหว่ย (楊恆韋) คู่ซ้อมอีกคนหนึ่งของหลินหยุนหรูที่เป็นนักกีฬาทีมชาติเช่นกัน ได้พูดถึงการฝึกซ้อมในช่วงปกติกับหลินหยุนหรูว่า “ประโยชน์ที่ได้รับจากการซ้อมกับหลินหยุนหรู คือการได้ใช้สมองคิดหายุทธวิธีการเล่นในแต่ละลูก” มิใช่เป็นเพียงการฝึกซ้อมแบบหลับหูหลับตาโดยไม่มีจุดมุ่งหมายใดๆ
หลินหยุนหรูมีสไตล์การเล่นที่หลากหลาย ในภาพคือการเล่นลูกแบ็คแฮนด์ฟลิป ที่ถือเป็นลูกถนัดของเขา (ภาพจาก กรมพลศึกษา กระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน)
แบบอย่างที่ดีของผู้นำกับการแบ่งปันเกียรติยศร่วมกับทีมงาน
ภาพลักษณ์ความเป็นคนเรียบร้อยของหลินหยุนหรูทำให้แฟนกีฬาชื่นชอบเป็นอย่างมาก และที่โด่งดังเป็นอย่างมากก็คือ หลังจบการแข่งขันรอบรองชนะเลิศของโตเกียวโอลิมปิก ผู้สื่อข่าวได้ถามหลินหยุนหรูว่า ให้ช่วยประเมินคู่แข่งของเขาคือฝานเจิ้นตงว่าเป็นอย่างไรบ้าง หนุ่มหลินตอบเพียงว่า “ผมมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะประเมินเขาได้หรือ?” ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเจ้าหนุ่มทำให้ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้คนในไต้หวันต่างก็เรียกเขาว่าเป็น “เด็กชายหลิน” หรือ “หลานชายแห่งชาติ” เลยทีเดียว
นอกจากการปรากฏตัวในที่สาธารณะที่น้อยจนนับครั้งได้ หลินหยุนหรูแทบไม่ค่อยใส่ใจความมีชื่อเสียงของเขาเลย เขาแทบไม่โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก หรือแม้แต่บน IG ก็มีเพียงภาพถ่ายไม่กี่ภาพเท่านั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความเรียบง่ายนี้คือคุณพ่อคุณแม่ของเขา ที่ต่างก็ทำตัวเรียบง่ายและโลว์โปรไฟล์เช่นเดียวกับลูกชาย คุณพ่อของหลินหยุนหรูคือ อาจารย์หลินเสวียอี๋ (林學宜) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการส่งเสริมสุขภาพและอุตสาหกรรมสันทนาการ ของมหาวิทยาลัยอี๋หลาน อาจารย์หลินเสวียอี๋ซึ่งมีความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมทางกีฬาของไต้หวันเป็นอย่างดีเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า อยากให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับนักกีฬาคนอื่นๆ ที่มิใช่นักกีฬาระดับท็อปบ้าง รวมไปจนถึงทีมงานที่อยู่เบื้องหลังของเหล่านักกีฬาทั้งหลายด้วย
อาจารย์หลินเสวียอี๋มักจะพูดเล่นอยู่เสมอว่า ท่านเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือดูแลเรื่องจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ ของหลินหยุนหรูเท่านั้น และก็บอกกับเราอย่างถ่อมตัวว่า “ตอนเด็กๆ พวกเรา (พ่อแม่) ไปเป็นเพื่อนเขา ตอนนี้เป็นนักกีฬาอาชีพแล้ว ก็กลับกลายเป็นผู้ติดตามกลุ่มหนึ่ง คอยแบ่งปันความสุขจากความสำเร็จ จึงจะก้าวไปได้ไกล” ความคิดที่เปิดกว้างเช่นนี้นี่เองที่ทำให้หลินหยุนหรูและคนในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันเป็นอย่างมาก
เมื่อเราได้สัมภาษณ์ทีมงานที่คอยอยู่เคียงข้างหลินหยุนหรู ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลินหยุนหรูที่ทุกคนเห็นจากหน้าจอโทรทัศน์กับหลินหยุนหรูตัวจริงแทบไม่แตกต่างกันเลย ทั้งในส่วนของการเป็น “คนง่ายๆ” “แม้จะเป็นมือ 1 ของไต้หวัน แต่ก็ไม่เคยเย่อหยิ่ง” “อยู่ด้วยแล้วไม่มีแรงกดดัน เหมือนเป็นเพื่อนกัน” รวมไปจนถึงเป็นคนที่ “ดูแลพวกพ้องดีมาก” “เลี้ยงข้าวคนอื่นบ่อยๆ” เป็นต้น
ในคัมภีร์หลุนอวี่ มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า “หากให้ความสำคัญกับทางกายภาพมากกว่าการเรียนรู้ จะมีแต่ความป่าเถื่อน หากสนใจแต่การเรียนรู้มากกว่าคุณสมบัติทางกายภาพ จะส่งผลให้เกิดการอวดรู้ มีเพียงแต่การผสมผสานที่สมดุลกันของทั้งสองอย่าง จึงจะถือเป็นวิญญูชน” ซึ่งสามารถนำมาใช้เปรียบเทียบกับนักกีฬาได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะเมื่อเรานึกย้อนไปถึงในขณะที่ได้ชมการแข่งขันอันยอดเยี่ยมในช่วงโตเกียวโอลิมปิกที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทไหน หรือนักกีฬาจากประเทศใด ขอเพียงมีโอกาสได้ขึ้นแข่งบนเวทีของโอลิมปิก ต่างก็ถือเป็นสุดยอดฝีมือของกีฬาประเภทนั้น แต่การจะก้าวข้ามความเป็นประเทศหรือชาติพันธุ์จนกลายเป็นนักกีฬาที่ผู้ชมชื่นชอบ มิใช่เพียงเพราะได้รับชัยชนะเท่านั้น หากแต่เป็นเพราะการแสดงออกในระหว่างการแข่งขันถึงจิตวิญญาณของความเป็นนักกีฬาที่ดี และความมุ่งมั่นมุมานะอย่างไม่ย่อท้อต่างหากที่ช่วยให้ชนะใจผู้คนได้ หลินหยุนหรูซึ่งเพียบพร้อมทั้งบุคลิกลักษณะที่ดีและมีเทคนิคการเล่นที่ยอดเยี่ยม ก็เหมือนกับวิญญูชนที่มีความสมดุลทั้งด้านกายภาพและการเรียนรู้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ชมจะชื่นชอบและจดจำภาพอันสุกใสของเขาไว้ภายในจิตใจ
ในสนามแข่ง หลินหยุนหรูจะมีสมาธิและสุขุมเป็นพิเศษ แต่ในชีวิตจริงเจ้าตัวเป็นคนที่เรียบง่าย และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกันกับทีมงาน แถมยังชอบแบ่งปันความสุขจากชัยชนะร่วมกับทุกคนด้วย
ภาพความเป็นคนเรียบร้อยของหลินหยุนหรูเป็นที่ถูกใจเหล่าแฟนกีฬายิ่งนัก